เส้นเลือดขอดเกิดจากอะไร แนะแนวทางการรักษา

เปิดแนวทางรักษา ‘เส้นเลือดขอด’ ปัญหาปวดใจของสาวๆ ให้หายขาดได้

                  ปัญหา “เส้นเลือดขอด” ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นโรคที่ร้ายแรง แต่หากไม่ได้รับการรักษาเส้นเลือดขอดอย่างถูกวิธีจากแพทย์หรือคลินิกรักษาเส้นเลือดขอด อาจก่อให้เกิดอาการปวดขา ข้อเท้า และการเป็นตะคริว แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทำให้สาวทำงานรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก ก็คือ เรียวขาอันสวยงามจากเส้นเลือดโป่งนูนเขียวคล้ำ เส้นเลือดเป็นฝอยแบบใยแมงมุมที่ขาเส้นเลือดสีเขียว ที่ทำลายความมั่นใจไปกันเลยทีเดียว

เส้นเลือดขอดคืออะไร

         เส้นเลือดขอด เกิดจากเส้นเลือดขยายผิดปกติโดยสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ในร่างกาย เส้นเลือดขอดจะมีความผิดปกติที่ผนังหลอดเลือด ทำให้ส่งผลต่อวาล์วในเส้นเลือดดำ ทำให้ไม่สามารถสกัดกั้นการไหลย้อนของเลือดได้ ก็จะเกิดการคั่งของเลือดในหลอดเลือดส่วนปลายที่อยู่ใกล้ผิวหนัง จึงเกิดเป็น ‘เส้นเลือดขอด’ มีลักษณะโป่งพองเป็นก้อน หรือเป็นเส้นเลือดฝอยแตกคล้ายแผนที่หรือใยแมงมุมนั่นเอง ซึ่งตำแหน่งที่พบเส้นเลือดขอดได้บ่อย คือ บริเวณน่อง, ขาพับ, โคนขาด้านนอก เป็นต้น


         ปัจจุบัน เส้นเลือดขอดไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง แต่อาจทำลายความมั่นใจเรียวขาของสาวๆ ซึ่งเส้นเลือดขอดมักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากฮอร์โมนเพศหญิง มีผลโดยตรงต่อการขยายเส้นเลือด ดังนั้นผู้หญิงที่ทานยาคุม หรือหญิงวัยทองอาจพบปัญหาเส้นเลือดขอด นอกจากนี้ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นเส้นเลือดขอด อาทิ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน เพราะทำให้แรงดันในเส้นเลือดดำสูงขึ้น จะเกิดการคั่งของเลือดบริเวณขามากขึ้น ทำให้เกิดเส้นเลือดขอดได้ ผู้ที่ต้องยืน เดิน หรือนั่งนาน ๆ บ้างก็มาจากพันธุกรรม การมีอายุมาก หรือกระทั่งการสูบบุหรี่


         อาการเส้นเลือดขอดเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่แล้วจะมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อเส้นเลือดยืดออกแล้ว และบางครั้งอาจมาพร้อมกับอาการอื่นๆ อาการที่พบในระยะแรกเริ่ม จะเห็นหลอดเลือดโป่งพองสีคล้ำ ๆ ที่ขาเวลายืน โดยไม่มีอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด ตำแหน่งที่พบบ่อย ได้แก่ บริเวณน่อง แต่อาจพบตรงบริเวณใดก็ได้ ระหว่างตาตุ่มขึ้นไปถึงสะโพก อย่างไรก็ดีเมื่อเริ่มมีอาการปวดที่ขา แสดงว่าหลอดเลือดแดงที่ขาตีบ เกิดจากผนังหลอดเลือดแดงแข็ง ก่อให้เกิดอาการปวดขาและข้อเท้าหรือเท้าบวม คันที่ขาและข้อเท้า เกิดอาการแสบร้อนที่ขา หรือหากเป็นรุนแรงจะเกิดผื่นแดงที่หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นสาเหตุของผิวแห้ง และในบางรายอาจมีสีผิวเปลี่ยนไป

 

วิธีการดูแลรักษาในเบื้องต้น

  • การยกขาขึ้นเหนือหัวใจวันละ 3-4 ครั้งเป็นเวลา 15 นาที อาจช่วยให้เลือดไหลเวียนและลดอาการบวมได้ หากคุณต้องยืนทำงานเป็นเวลานาน ควรงอเข่าอาจช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น เมื่อคุณเลิกงานควรพยายามพักโดยยกเท้าขึ้นเพื่อลดอาการบวมที่ขา หากอาการยังคงอยู่ควรหลีกเลี่ยงการยืนเป็นเวลานาน

  • ใช้ถุงเท้ายืด (compression stocking) ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรัดขา เพื่อบีบขาของคุณอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มการไหลเวียน จะช่วยบรรเทาอาการปวดบวมที่ขาที่เกิดจากเส้นเลือดขอดได้ ซึ่งมีให้เลือกหลายขนาดและความแรงกดของถุงน่อง โดยปกติแล้วคนส่วนใหญ่ที่มีเส้นเลือดขอด จะใช้ถุงน่องแบบที่ 1 หรือชนิดแบบเบา หรือแบบที่ 2 ซึ่งเป็นแบบบีบอัดปานกลาง

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและช่วยลดน้ำหนักของคุณลงได้ เพราะน้ำหนักที่มากเกินไป ทำให้เกิดแรงดันสูงขึ้นภายในหลอดเลือดที่ขา เป็นเหตุให้เกิดหลอดเลือดขอดที่ขา นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งเป็นระยะเวลานาน เพราะเมื่อคุณยืนหรือนั่งนาน ๆ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี เกิดแรงดันภายในหลอดเลือดดำ

  • หลีกเลี่ยงอาหารเค็มและควรหมั่นรับประทานผลไม้ การสวมใส่เสื้อผ้ารัดเอวหรือขา เพื่อลดแรงดันของหลอดเลือดดำที่ขา รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการสวมใส่รองเท้าส้นสูง และหันมาใส่รองเท้าส้นต่ำ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อขาบีบตัวดีกว่า วิธีนี้จะผลดีต่อหลอดเลือดดำนั่นเอง



         เมื่อคุณดูแลและรักษาอาการเส้นเลือดขอดในเบื้องต้นไปแล้ว แต่อาการเส้นเลือดขอดยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น และเมื่อมีอาการปวดมากบวมมาก หลอดเลือดอักเสบจนเป็นแผล ในสเต็ปต่อไปคุณควรปรึกษาแพทย์หรือคลินิกรักษาเส้นเลือดขอดเฉพาะทาง โดยมีวิธีการรักษาตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. เมื่อตรวจพบว่าเป็นหลอดเลือดดำขอด คลินิกรักษาเส้นเลือดขอด จะแนะนำให้ผู้ป่วยสวมใส่ถุงเท้ายืด (compression stocking) ตลอดทั้งวัน ช่วยให้กล้ามเนื้อและหลอดเลือดทำงานได้ดีบีบให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งหากอาการดีขึ้นก็ไม่มีความจำเป็นต้องรักษาเพิ่มเติม

  2. การรักษาด้วยการรับประทานยา ในเบื้องต้นจะรักษาโดยการให้ยาไปเพื่อรับประทานเพื่อช่วยลดอาการ หรือใช้เครื่องกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดดำที่ขาดีขึ้น สำหรับวิธีนี้เป็นการรักษาแบบประคับประคองเท่านั้น โดยไม่ได้ทำให้เส้นเลือดขอดหายไป

  3. กรณีที่มีอาการที่เป็นมาก ทางคลินิกรักษาเส้นเลือดขอด จะเลือกวิธีการบำบัดรักษาเพิ่มเติม เช่น การฉีดยาเข้าไปในหลอดเลือดดำที่ขอด เพื่อปิดการทำงานของหลอดเลือดดำที่โป่งพอง ทำให้เกิดการแข็งตัว และตีบตัน ตัดการไหลเวียนของเลือด เรียกวิธีบำบัดนี้ว่า "sclerotherapy" มักจะได้ผลภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่บางครั้งอาจจำเป็นต้องฉีดซ้ำ ซึ่งการรักษาควรทำ 3 – 5 ครั้ง ห่างกัน 2 – 4 สัปดาห์ จะช่วยให้เส้นเลือดขอดดีขึ้นได้ 80 – 90%

  4. การบำบัดด้วยเลเซอร์ (laser surgery) หรือ คลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) วิธีการนี้ คลินิกรักษาเส้นเลือดขอด จะใช้เลเซอร์เพื่อทำให้หลอดเลือดขอดถูกทำลาย ค่อย ๆ จางหายไปในที่สุด โดยจะฉีดยาชา และใช้เข็มสอด 1 จุด จากนั้นจะสอดสายเล็ก ๆ รักษาเส้นเลือดขอดถึงต้นตอภายใน ทำเสร็จสามารถกลับบ้านได้เลย ระยะพักฟื้นสั้น ประมาณ 1-2 วัน ก็เริ่มกลับไปทำงานได้

  5. การฉีดโฟมเข้าเส้นเลือดขอด (Catheter-directed Foam Sclerotherapy) จะช่วยให้เส้นเลือดขอดปิดตัว และฝ่อแฟบไป ทำให้หลอดเลือดขอดหายไปได้

  6. การผ่าตัดดึงหลอดเลือดขอดออกไป (vein stripping) การรักษาวิธีนี้ คลินิกรักษาเส้นเลือดขอด จะผ่าตัดหลอดเลือดที่ถูกดึงทิ้งมักจะเป็นส่วนผิว ไม่กระทบต่อการไหลเวียนเลือดที่ขาด เนื่องเพราะการไหลเวียนส่วนใหญ่ อาศัยหลอดเลือดดำส่วนลึก


         สำหรับการรักษาผู้ที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดนั้น ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะหรืออาการที่แทรกซ้อนแต่อย่างใด โดยอาจมีอาการปวดน่องหรือบวม หรือในกรณีรุนแรง ผิวหนังในบริเวณนั้นจะเกิดหลอดเลือดขอดอาจแตก ส่งผลให้กลายเป็นแผลเรื้อรังซึ่งมักจะเกิดที่บริเวณข้อเท้า บางรายอาจเกิดการอักเสบของหลอดเลือดดำ ส่วนเรื่องที่ควรระมัดระวัง คือ เมื่อเกิดการหกล้มหรือถูกของมีคมบาดตรงบริเวณที่มีหลอดเลือดขอด อาจทำให้เกิดแผลเลือดออกรุนแรงได้ให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล

         หากคุณกำลังเป็นผู้มีปัญหาเส้นเลือดขอดและดูแลรักษาในเบื้องต้นแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อปรึกษาและรักษาเส้นเลือดขอดตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้อาการรุนแรง โดยสามารถติดต่อและปรึกษาเลย ที่ ยศสินีคลินิก คลินิกรักษาเส้นเลือดขอด และผู้นำด้านสุขภาพเส้นผมและผิวพรรณ พร้อมเครื่องมือที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ เน้นการรักษาที่ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ

ติดต่อเรา
https://www.yotsineeclinic.net/
Phone : +66 (0)2 458 2836,
E-mail : yotsineeclinic@gmail.com