รักษาสิวสามารถทำไปพร้อม ๆ กับรักษาหลุมสิวได้หรือไม่

สิวแบบใดบ้างที่ทำให้เกิดหลุมสิว วิธีป้องกันและรักษาหลุมสิว พร้อมตอบคำถามที่พบบ่อย

รักษาหลุมสิว

 

เรื่องของสิวไม่เข้าใครออกใคร สิวนั้นเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทั้งหญิงและชาย โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย สิวจะค่อย ๆ หมดไปเมื่อก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ใช่ว่าจะไม่เป็นเลย อาจจะเป็นสิวบ้างเป็นครั้งคราว และไม่ได้ขึ้นมาทีละหลาย ๆ เม็ด โดยปัญหาสิวที่มักพบ จะมีตั้งแต่การอุดตันเพียงเล็กน้อย ไปจนถึงสิวอักเสบทั่วทั้งหน้าเลยก็มี แถมในบางคนเจ้าสิวตัวดียังทิ้งร่องลึก หลุมสิว ไว้ให้เราดูต่างหน้าอีกด้วย ทั้งขาดความมั่นใจ ทั้งหมดสวยหมดหล่อ แต่ทุกปัญหา จะมีทางออกเสมอ! เรามาทำความรู้จัก “หลุมสิว” ศัตรูตัวดีของความสวยความหล่อ รู้เขารู้เราจะรบกี่ครั้งก็ชนะเเน่นอน

หลุมสิวคืออะไร

หลุมสิว หรือ Atrophic Scars คือ รอยแผลเป็นจากสิวอักเสบ จะมีลักษณะพื้นผิวเป็นรอยบุ๋มลงไป เมื่อเทียบกับผิวหนังในบริเวณใกล้เคียง หลุมสิวจะเกิดขึ้นหลังจากการอักเสบของสิวหายแล้ว สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า จะเห็นได้ว่าผิวเรียบเนียนไม่สม่ำเสมอกัน อาจเกิดจากการรักษาสิวที่ผิดวิธี ทำให้แผลบริเวณดังกล่าวไม่สามารถสมานตัวกันได้อย่างสมบูรณ์

หลุมสิวเกิดจากอะไร

สาเหตุหลักของการเกิดหลุมสิวมักจะมาจาก “การรักษาสิวแบบผิดวิธี” มีการติดเชื้อต่อเนื่องบริเวณสิวและผิวหนังบริเวณนั้น การบีบสิว ทำให้ชั้นผิวที่ลึกลงไป เกิดการบาดเจ็บหรืออักเสบของผิว คอลลาเจนที่จะมาช่วยซ่อมแซมผิวหนังและเนื้อเยื่อนั้น มีไม่เพียงพอ เมื่อแผลหายแล้ว ทำให้เกิดหลุมสิวนั่นเอง

สาเหตุอื่นๆ เช่น ความตึงบริเวณแผล การหดรั้งของแผล ซึ่งปกติแล้ว กระบวนการซ่อมแซมผิวหนังจะใช้เวลาประมาณ 7-10 วันในการรักษาแผลจากสิว แต่ถ้ากระบวนการซ่อมแซมนั้นไม่สมบูรณ์ เนื่องจากการอักเสบรุนแรงของสิว ก็จะทำให้เกิดการยุบตัวลงของผิว จนเกิดเป็นหลุมสิวในที่สุด

สิวประเภทใดบ้างที่ทำให้เกิดหลุมสิว

  • สิวหัวช้าง (Cyst) - สิวหัวช้างเป็นสิวอักเสบในต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ที่มีขนาดใหญ่ เป็นตุ่มบวม การรักษาจะใช้เวลานานและหายยาก

  • สิวอักเสบ (Pustule) - สิวอักเสบมักจะทำลายเซลล์ผิวที่อยู่ใต้ผิวหนัง และคอลลาเจนในชั้นผิว การรักษาสิวอักเสบที่ไม่เหมาะสม จะทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวได้

การป้องกันการเกิดหลุมสิว

แน่นอนว่า หากเทียบถึงวิธีการรักษา การรักษาสิวธรรมดา ๆ เป็นการรักษาที่ไม่ยุ่งยากเมื่อเทียบกับการรักษาหลุมสิว การป้องกันไม่ให้เกิดหลุมสิวจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่จะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดหลุมสิวได้นั้น มีดังนี้

  • ปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการรักษาสิวบนใบหน้า
  • หากสิวขึ้นไม่เยอะ สามารถใช้ยาทาเบื้องต้นได้ เช่น Retinoids หรือ Benzoyl Peroxide
  • เลี่ยงการกดสิว หรือบีบสิวเอง
  • ไม่ควรแกะสะเก็ดแผล หลังจากที่สิวหายแล้ว เพราะจะทำให้แผลสมานตัวช้าลงและเกิดเป็นหลุมสิวได้
  • หากมีแนวโน้มว่า ตนเองนั้นเป็นคนที่เกิดแผลเป็นได้ง่าย ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อป้องกันการเกิดหลุมสิวและรักษาหลุมสิว ได้อย่างถูกวิธี

วิธีการรักษาหลุมสิวและลดรอยหลุมสิว

  1. รักษาหลุมสิวด้วยการรับประทานยาและวิตามินประเภท B5 หรือ Zinc
    แม้จะเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก แต่การใช้วิธีนี้รักษาหลุมสิวจะใช้เวลานานพอสมควร และอีกประการคือ อาจเกิดอาการข้างเคียงจากการรับประทานยา เช่น ปากแห้ง ผิวแห้ง

  2. รักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์
    การรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ จัดว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเห็นผลไว แต่ก็ต้องกระเป๋าหนักหน่อย การยิงเลเซอร์รักษาหลุมสิวเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้ผิวสามารถสร้างคอลลาเจน เพื่อมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่! ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของรอยหลุมสิวด้วยเช่นกัน ซึ่งรอยลึกของหลุมสิวนั้นจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดแบบ 100% ได้ ทำได้มากสุด 80% เท่านั้น

  3. รักษาหลุมสิวด้วยการกรอผิว
    เป็นการรักษาหลุมสิว โดยการใช้เกล็ดอัญมณีมากรอผิวหนังบริเวณที่เกิดหลุมสิว เพื่อเป็นการเปิดผิวและซ่อมแซมให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมา วิธีนี้จะช่วยเรื่องหลุมสิวที่มีความกว้าง แต่ค่อนข้างตื้นได้ดี และช่วยลดรอยสิว รอยด่างดำ ให้ลดเลือนได้อีกด้วย แต่วิธีนี้ จะมีผลข้างเคียงคือ ผิวหนังจะบางขึ้น และอาจเกิดการระคายเคืองผิวได้ง่าย ซึ่งต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการทำ และต้องทำซ้ำหลายครั้งถึงจะเห็นผล

  4. รักษาหลุมสิวด้วยการเซาะพังผืด
    วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีหลุมสิวทั่วทั้งหน้า โดยการเซาะนั้น จะใช้เข็มแบบพิเศษที่มีขนาดเล็ก สอดเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณที่เกิดหลุมสิว และทำการตัดพังผืดที่เกิดจากการักษาสิวที่ไม่สมบูรณ์ ให้ขาดจากกัน เพื่อให้เซลล์ผิวทำการซ่อมแซมใหม่อีกครั้ง แต่เป็นวิธีที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลติดเชื้อ

  5. รักษาหลุมสิวด้วยการฉีดเมโส
    การฉีดเมโสเป็นการฉีดสารสกัดชนิดต่างๆ เพื่อไปกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจน มาซ่อมแซมรอยหลุมสิว ทำให้รอยหลุมสิวตื้นขึ้น

คำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับการรักษาหลุมสิว

  • รักษาสิวพร้อมกับรักษาหลุมสิวได้หรือไม่
    สามารถทำพร้อมกันได้ แต่หากจะให้ดี ควรรักษาสิวให้หายดีเสียก่อน แล้วจึงค่อยมารักษาหลุมสิวอีกที เพราะหากสิวยังคงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รอยหลุมสิวก็จะยังเกิดขึ้นได้เรื่อยๆ เช่นกัน

  • ทำไมสิวถึงทำให้เนื้อหายไปจนเกิดเป็นหลุมสิว
    เกิดจากปัจจัยหลัก 2 ข้อคือ
    1. จากลักษณะของสิว เช่น สิวหัวช้าง เมื่อเกิดการอักเสบ จะทำให้เกิดโพรงหนองใต้ชั้นผิว การสมานแผลทำได้ไม่สมบูรณ์ จนเกิดการยุบตัวของผิวทำให้เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวหายไป จนกลายเป็นหลุมสิว

    2. รักษาสิวแบบผิดวิธี จนทำให้เนื้อเยื้อบริเวณดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ และสมานแผลไม่ทันจนเกิดเป็นแผลบุ๋มลึกลงไป

 

หากคุณกำลังประสบกับปัญหาหลุมสิว และต้องการที่จะรักษา สามารถปรึกษาเราได้ที่ ยศสินี คลินิก ผู้นำด้านสุขภาพเส้นผมและผิวพรรณ รักษาหลุมสิว เลเซอร์กระเนื้อ เลเซอร์ฝ้า รักษาเส้นเลือดขอด รักษาผมร่วง ผมบาง กับประสบการณ์การทำงานกว่า 17 ปี พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ บุคคลากรคุณภาพ นวัตกรรมที่ทันสมัย และตัวยาที่ได้มาตรฐาน

รักษาหลุมสิว  ติดต่อ ยศสินี คลินิก 
https://www.yotsineeclinic.net/
Phone : +66 (0)2 458 2836,
E-mail : yotsineeclinic@gmail.com