หยุดเลเซอร์รักษาฝ้าแล้ว จะกลับมาขึ้นอีกไหม?

ปัจจัยสำคัญอะไรบ้าง ที่จะช่วยให้การ เลเซอร์รักษาฝ้า ได้ผลดีที่สุด

เลเซอร์รักษาฝ้า

เลเซอร์รักษาฝ้า เป็นวิธีแก้ปัญหาของใครหลายคน เมื่อพบว่าการใช้ครีมรักษาฝ้าดูจะไม่เป็นผลและเห็นผลลัพธ์ที่ช้าเกินไป! แต่ก็ยังมีความกังวลใจว่า เมื่อรักษาโดยเลเซอร์ไปแล้วจะกลับมาเป็นอีกหรือไม่? และเลเซอร์จะสร้างผลเสียกับผิวหน้าของเราที่บอบบางลงหรือไม่? คำตอบของทั้งสองคำถามนี้ก็คือ ใช่และไม่ใช่! เพราะฝ้าสามารถกลับมาเป็นได้อีกเสมอหากเราดูแลผิวของเราได้ไม่ดีพอ แต่ถ้าหากคุณดูแลรักษาผิวหลังเลเซอร์ได้อย่างถูกวิธี โอกาสที่ฝ้าจะกลับมาเกิดขึ้นอีกก็มีได้น้อยลง ส่วนการทำเลเซอร์รักษาฝ้าส่งผลกระทบกับผิวของเราหรือไม่ ก็ใช่เช่นเดียวกัน แต่หากคุณเลือกประเภทของเลเซอร์ที่ดี พร้อมกับคุณหมอและคลินิกที่ชำนาญการ ก็จะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีและส่งผลกระทบกับผิวของคุณได้น้อยมากที่สุด นั่นเอง

สาเหตุของการเกิดฝ้าคืออะไร?

ก่อนที่คุณจะกังวลว่าการ เลเซอร์รักษาฝ้า จะส่งผลเสียหรือไม่ ทำไปแล้วฝ้าจะกลับมาเป็นได้อีกหรือไม่นั้น สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำเลเซอร์ได้ผลดีและลดการเกิดฝ้าอีกครั้ง ก็คือการทราบถึงสาเหตุของการเกิดฝ้าเสียก่อน แล้วจึงเลี่ยงหลีกพฤติกรรม หรือการกระทำที่ก่อให้เกิดฝ้าได้ นั่นเอง หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าฝ้ากระจะเกิดได้เพราะอายุที่มากขึ้น ซึ่งความจริงแล้วสาเหตุของการเกิดฝ้านั้น มีปัจจัยสำคัญหลายประการที่ทำให้ฝ้าเกิดขึ้นได้ เช่น

  • การสัมผัสกับแสงแดดและรังสี UV : เพราะในแสงแดดที่รุนแรงมากไปจะมีปริมาณของรังสียูวีที่มากไปด้วย ซึ่ง UV ตัวร้ายนี่แหละที่สามารถทำร้ายผิวหนังของเราได้ ทั้งทำให้สีผิวของเราหมองคล้ำลง รวมถึงการไปกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีผิวจนทำให้เกิดฝ้าได้ และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นรังสียูวียังนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย ดังนั้นการหลีกเลี่ยงแสงแดดแรงๆ นอกจากจะเลี่ยงการเกิดฝ้าได้แล้ว ยังช่วยให้การ เลเซอร์รักษาฝ้า ได้ผลดีและไม่กลับมาเป็นอีกได้ นั่นเอง

  • การรับประทานยาคุมกำเนิด : เพราะยาคุมกำเนิดทำให้ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนของร่างกาย ทำให้เกิดภาวะของร่างกายที่ไม่สมดุลฮอร์โมน ซึ่งภาวะนี้ไม่ใช่แค่ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดเท่านั้น แต่หมายรวมถึงผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนด้วย ซึ่งความไม่สมดุลของฮอร์โมน ทำให้เกิดการปัญหาฝ้าได้ทั้งสิ้น

  • พันธุกรรมและอายุที่มากขึ้น : อายุที่มากขึ้นก็ส่งผลให้ฮอร์โมนของร่างกายทำงานได้ไม่สมดุล ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าและกระ โดยเฉพาะผู้หญิงวัย 30 ขึ้นไปมักจะมีโอกาสการเกิดฝ้าได้มากกว่าผู้ชาย นอกจากนั้น พันธุกรรมในการผลิตเมลานินได้มากจนทำให้เกิดฝ้า ยังสามารถส่งต่อเป็นพันธุกรรมได้อีกด้วย

  • โรคประจำตัวหรืออาการป่วยบางชนิด : เช่น โรคที่เกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อต่างๆ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าได้ นั่นเอง

เลเซอร์รักษาฝ้า ดีอย่างไร?

วิธีการรักษาโดยใช้เลเซอร์คือการใช้พลังงานแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ ยิงไปที่เซลล์เป้าหมายที่ผิวหนังมีปัญหาของเรา เช่น รอยสิว จุดด่างดำหรือ รอยฝ้ากระ เพื่อทำให้เม็ดสีเมลานินที่ผลิตออกมากจำนวนมากถูกทำลานและมีจำนวนที่ลดลง อีกทั้งยังสามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนผลิตเซลล์ผิวใหม่ออกมาได้ไวมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งทำให้เกิดข้อดีกับผิวของคุณได้ดังนี้คือ ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้น เพราะรอยสิว จุดด่างดำและฝ้ากระบนใบหน้าจงลง

เมื่อมีข้อดีแล้วก็ต้องมีข้อเสีย… ซึ่งข้อเสียของการใช้ เลเซอร์รักษาฝ้า ที่คุณอาจจะต้องเจอก็คือ ผิวที่ผ่านการเลเซอร์จะบอบบางและอ่อนแอลง ทำให้ผิวของคุณไวต่อแสงแดดมากขึ้น, แพ้ง่ายมากขึ้น, ผิวแห้งกร้านไม่ชุ่มชื้น และหากหลีกเลี่ยงการเจอกับแสงแดดไม่ได้ก็จะทำให้คุณกลับมาเป็นฝ้าได้อีกอย่างแน่นอน

ควรเลือกการใช้ เลเซอร์รักษาฝ้า อย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด

หลายคนที่ได้ทราบถึงผลเสียของการใช้เลเซอร์แล้ว ก็แทบจะไม่กล้าตัดสินใจรักษาฝ้าด้วยวิธีนี้ แต่เราจะบอกว่าหากคุณเลือกนวัตกรรมของเลเซอร์ที่ดีและเหมาะสมกับปัญหาของคุณได้แล้วล่ะก็ การทำเลเซอร์ก็ไม่ได้ทำให้ผิวบางลงจนเกิดปัญหาได้เสมอไป เพราะสาเหตุของการทำให้ผิวบางลง ส่วนใหญ่มาจากการใช้เลเซอร์ประเภทที่ทำให้เกิดการถลอกของผิวหนังกำพร้าหรือผิวหนังชั้นนอกจึงทำให้ผิวบางลง ฉะนั้น การเลือกประเภทของเลเซอร์จึงมีความสำคัญมาก

สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนใช้ เลเซอร์รักษาฝ้า

✔ ประสิทธิภาพของการรักษา นอกจากจะต้องคำนึงถึงความทันสมัยและประสิทธิภาพของนวัตกรรมเลเซอร์ที่เลือกใช้แล้ว ยังต้องพิจารณาเรื่องความชำนาญและความน่าเชื่อถือของแพทย์และคลินิกที่เลือกด้วย

✔ ควรศึกษาข้อมูลของเลเซอร์นั้นๆ ว่ามีข้อดีข้อเสียหรือมีผลข้างเคียงอะไรบ้างที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงวิธีการดูแลรักษากล่อนและหลังทำ เลเซอร์รักษาฝ้า

✔ สิ่งสำคัญที่สุดของการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่กลับมาเป็นฝ้าซ้ำอีก ก็คือ การดูแลรักษาตัวเองของคนไข้ เช่น การดูแลสุขภาพกายและจิตใจ ไม่ให้นอนดึก เครียดจัด หรือลดละเลิกการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ที่สำคัญคือการหลีกเลี่ยงแสงแดดให้ได้มากที่สุดและหมั่นทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง


Yotsinee Clinic มีวิธีการรักษาฝ้าด้วยวิธีอะไรบ้าง?

  • เลเซอร์รักษาฝ้า ด้วย LASER Q switch เหมาะสำหรับรักษากระลึก สีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ หรือลบรอยสักที่ไม่พึงประสงค์ บริเวณที่เป็นกระลึกจะเป็นสะเก็ดหรือกระลอยตื้นขึ้น จนหลุดจางไปใน 7-10 วัน แนะนำให้ทำเดือนละ 1-2 ครั้ง จำนวน 5-10 ครั้ง ควรเลี่ยงแสงแดดหลังรักษา 1-2 สัปดาห์

  • รักษาฝ้าและกระ ด้วย Intense Pulsed Light (IPL) ด้วยพลังงานแสงจากนวัตกรรมที่ใช้คลื่นพลังงานแสงความเข้มข้นต่ำ ทำให้การส่งพลังงานลงไปถึงผิวชั้นลึก ที่อ่อนโยนต่อผิวและไม่ทำให้ผิวเป็นแผล แต่สามารถรักษาฝ้าและรอยจุดด่างดำจากสิวได้เป็นอย่างดี หากทำทั่วหน้าผิวหน้าจะกระจ่างใสเพราะสามารถกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวดูสุขภาพดี นั่นเอง ควรทำเดือนละ 1-2 ครั้ง จำนวน 3-10 ครั้ง ควรเลี่ยงแสงแดดหลังรักษา

  • Peeling (ลอกฝ้า) การลอกฝ้าด้วยตัวยา Peeling ทำให้เม็ดสีเมลานินดำที่เป็นสาเหตุของฝ้าลอกออกไป ผิวจะค่อยๆ ขาวขึ้น แนะนำให้ทำเดือนละ 1-2 ครั้ง จำนวน 3-10 ครั้ง

การใช้ เลเซอร์รักษาฝ้า ที่ Yotsinee Clinic นั้นเราจะให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางประเมินการรักษาฝ้าที่เหมาะสมและดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน ซึ่งจะประเมินจากความเข้มของฝ้าและปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผลต่อการรักษา โดยเราจะเลือกใช้เทคโนโลยีของเลเซอร์เพื่อกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจนในผิวหน้า ที่จะช่วยในกระบวนการลดความเข้มของฝ้า และช่วยให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้นให้กับคุณ ฉะนั้น คุณจึงมั่นใจได้เลยว่าประสิทธิภาพของรักษาฝ้า ไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์รักษาฝ้า หรือเทคโนโลยีใดๆ ของเรา คุณจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควบคู่ไปกับการให้คำแนะนำที่ดีของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อลดการกลับมาของฝ้ากระที่กวนใจคุณ

ติดต่อเรา เลเซอร์รักษาฝ้า
https://www.yotsineeclinic.net/
Phone : +66 (0)2 458 2836,
E-mail : yotsineeclinic@gmail.com